once upon a time there was italy #1

Posted on

Italy อิตาลีเป็นศูนย์กลางอารยธรรมที่รุ่งเรืองมาทุกยุคทุกสมัย เป็นศูนย์กลางของคริสตจักรโลก เป็นดินแดนต้นกำเนิดอัจฉริยะบุคคลหลากหลายแขนงทั้งศิลปิน นักวิทยาศาสตร์หรือบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากมายนับไม่ถ้วน ผลงานหรือการค้นพบยังคงอยู่คู่โลกมาตราบเท่าทุกวันนี้ ทั่วทั้งอิตาลีจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม ศิลปะต่างยุคต่างสมัยให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม มีสถานที่ท่องเทียวให้ชมมากมายหลากหลาย บางแห่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์หรือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เรารู้จักเป็นอย่างดี อาทิ โคลอสเซียม และหอเอนเมืองปิซ่า เป็นต้น ผลงานศิลปะหลายชิ้นก็ล้วนโด่งดัง อาทิ รูปปั้นเดวิด ภาพกำเนิดวีนัส ภาพวันพิพากษาโลก หรือภาพพระกระยาหารมื้อสุดท้าย เหล่านี้ต่างก็มีให้ชมในอิตาลี นอกจากนี้อิตาลียังถือได้ว่าเป็นดินแดนต้นกำเนิดพิซซ่า มักกะโรนี มีอาหารหลากรส อร่อยลิ้น ส่วนแฟชั่นอิตาลีก็ขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหราสง่างามนำสมัย ทั้งหลายเหล่านี้ทำให้อิตาลีเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ น่าศึกษาค้นหาและไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง หากอยากไปเที่ยวอิตาลี อยากสัมผัสอิตาลี จงคิดถึงอิตาลีโหยหาอิตาลี เมื่อนั้นคุณจะได้ไปเยือนอิตาลีอย่างแน่นอน เพราะว่าโลกนี้มีแรงดึงดูด

schengen visa วีซ่าเชงเกน

นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศอิตาลี หรือประเทศอื่น ๆ ในยุโรปต้องยื่นขอวีซ่าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง หากต้องการเดินทางไปประเทศอิาตาลีประเทศเดียว หรืออยู่เที่ยวอิตาลีให้นานที่สุดในทริปนั้นให้ขอวีซ่าเชงเกนจากประเทศอิตาลีจะดีที่สุดเมื่อวีซ่าผ่านการอนุมัติแล้วเราสามาถเดินทางท่องเที่ยวไปในอิตาลีและประเทศ อื่นๆในกลุ่มประเทศ เชงเกนได้ อีกไม่ว่าจะนั่งรถไฟ รถบัส หรือโดยสารโดยเครื่องบินไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มเชงเกนก็จะไม่มีการตรวจพาสสปอร์ตดูวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอีก จนกว่าจะเดินทางออกนอกกลุ่มประเทศเชงเกน และจะกลับเข้าไปใหม่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในวีซ่า คือ ถ้าเป็น single visa ก็ใช้เข้าออกได้ครั้งเดียว แต่กลับไปกลับมาในกลุ่มและประเทศเชงเกนได้ ถ้าได้รับเป็น multiple visa ก็สามารถเข้าออกได้หลายครั้งภายในเวลาที่ระบุไว้ในวีซ่า ดังนั้นทำให้ผู้ถือวีซ่าเชงเกนสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศแถบอุโรป ได้อย่างอิสระเสมือนว่าเป็นประเทศเดียวกัน แต่อย่างไรก็แล้วแต่ยุโรปก็ยังมีความหลากหลายของผู้คน ภาษา วัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าศึกษาทั้งเรื่องราวในอดีตและความเจริญก้าวหน้าพัฒนาการของประเทศเหล่านี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโลกอันเป็นพื้นฐานของการปกครอง กฏหมายและศิลปะวิทยาการมาตั้งแต่ครั้งอดีต พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกยุคใหม่ ซึ่งนับวันจะไร้พรมแดนเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มประชาคมยุโรป ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิระ รวมทั้งสกุลเงินยูโรที่ใช้กันในกลุ่มประเทศเชงเกน

มารู้จักอาหารอิตาลี

อาหารอิตาลีได้ชื่อว่ามีรสชาติอร่อย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังจะเห็นได้จากร้านอาหารอิตาลีในประเทศต่างๆ ดังนั้นเมื่อได้ไปถึงต้นกำเนิดอาหารอิาตาลีของแท้ จึงควรหาโอกาสลิ้มลองกันหน่อย

มื้อเช้า ของคนอิตาลี จะรับประทานอาหารกันแบบง่ายๆ จำพวกขนมปังอิตาลีหรือ คอร์เนตโต cornetto ซึ่งมีหลากหลายชนิด แต่เอกลักษณ์คือกรอบนอกนุ่มในคล้ายครัวซองต์ ของฝรั่งเศส แต่เปลือกนอกดูแข็งกว่า เวลาจะรับประทานต้องใช้มือบิออกแล้วทาด้วยเนย ครีมหรือแยม รับประทานร่วมกับชา กาแฟ คนอิตาเลี่ยน เรียก กัฟแฟะ ซึ่งออกเสียงคล้ายกาแฟ ในภาษาไทยมาก สำหรับอาหารเช้าในโรงแรมต่างๆ ก็มักจัดไว้ให้เพียงเท่านี้ อย่าได้หวังว่าจะได้ทานอาหารหนักหรือมีอาหารหลากหลายเหมือนโรงแรมในบ้านเรา ส่วนกาแฟนั้น อิตาลีก็ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดรสชาติกาแฟที่แพร่หลายไปทั่วโลก เช่น เอสเปรสโซ่ espresso กาแฟดำรสชาติเข้มข้น ใส่มาในด้วยขนาดเล็กๆ กระดกอึกหรือสองอึกก็หมดแล้ว คาปูชิโน capuccino กาแฟเข้มข้นใส่นมตีเป็นฟองฟูลอยหน้าในถ้วยขนาดปกติ บางร้านก็มีเทคนิคทำให้เป็นหน้ารูปต่างๆ ได้ด้วย บางครั้งก็ใส่วิปครีม กาแฟลาเต้ cafe latte กาแฟใส่นมเสริฟมาในแก้วใส นอกจากนี้ยังมีกาแฟสูตรอื่นๆ อีกมากมายให้ได้ทดลองชิม ร้านกาแฟในอิตาลีหาง่ายยิ่งกว่าร้อน tabacchi เสียอีกและราคาก็ไม่แพงเลยตกแก้วละตั้งแต่ 1 – 4 euro บางครั้งเมื่อสั่งกาแฟแล้วอาจขอเข้าห้องน้ำของร้านได้อีก

มื้อเที่ยง คนอิตาเลี่ยนให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเที่ยง สั่งมารับประทานกันเป็นคอร์ส ซึ่งอาจกินเวลานานเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง ซึ่งคงไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวอย่างเรามากนัก เพราะทั้งแพงและเสียเวลา ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารง่ายๆ จากร้านข้างทางหรือรถเข็น ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็ดูสะดวกเหมาะสมดีอร่อยไม่แพงมาก อาหารก็มีให้เลือกตั้งแต่ พิซซ่า แบบแบ่งขายเป็นชิ้นๆ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายหน้า พาสต้าประเภทต่างๆ ตลอดจนถึงอาหารง่ายๆ จำพวกแซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ หรือขนมปังอบห่อใส้ต่างๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้อิ่มท้อง ได้ ร้านอาหารเหล่านี้หากไม่บอกว่าจะนั่งรับประทานที่ร้าน ราคาแพงกว่า คนขายก็จะห่อหรือใส่ถุงให้ ซึ่งเราอาจหาที่เหมาะ ๆ นั่งรับประทานตามม้านั่ง ในปิอัซซ่าหรือแบบปิกนิกในสวนสาธารณะต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างไม่ขัดเขิน เพราะใครๆ เขาก็ทำกันอย่างนั้น ระหว่างที่เดินท่องเที่ยวไปในอิตาลี รับรองว่าจะต้องเห็นร้านไอศครีมแน่ๆ ทีมีอยู่มาก เสียด้วย คนอิตาเลี่ยน เรียกไอศครีมว่า เจลาโต หรือเจตาติ และเรียกร้านไอศครีมว่า Gelateria มีให้เลือกชิมมากมายหลากหลายรสชาติแตกต่างกันไป ราคาตั้งแต่ถ้วยละ 2-5 euro แนะนำให้ลองซื้อลิมดู เพราะเขาว่ากันว่าไอศครีมอิตาลีเป็นไอศครีมที่อร่อยที่สุดในโลก ปัจจุบัน ในประเทศไทยก็เห็นมีร้านไอศครีมเจลาโตอยู่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หลายแห่ง

มื้อเย็น คนอิตาเลี่ยนไม่ค่อยเน้นมากนัก และมักจะเป็นอาหารเบาๆ จำพวกแซนด์วิชหรืออาหารทานเล่น เช่น พิซซ่า
สปาเก็ตตีแต่สำหรับเราแล้ว ถ้าไม่หารับประทานในร้านอาหารอิาตาเลี่ยนก็หารับประทาน ในร้านอาหารชาติอื่นๆ เช่นอาหารไทยอาหารจีนหรือร้านอาหารญี่ปุ่นแต่ก็หาได้ไม่ง่ายนักในอิตาลีและร้านอาหารในอิตาลี มีชื่อเรียกแตกต่างกัน
Rosticcerie เป็นร้านอาหารง่ายๆ แบบห่อกลับบ้านหรือ take away อาจเป็น พิซซ่า แยกชิ้นขาย หรือแซนด์วิช เบอร์เกอร์ หรืออาหารปิ้งย่างอื่นๆ
Pizzaria เป็นร้านอาหารที่พบเห็นได้ทั่วไป ขายในราคาไม่แพง อาหารที่ขายก็เป็นของง่ายๆ เช่น พิซซ่า สปาเก็ตตี เป็นต้น บางร้านอาจมีไอศครีมขนมหวาน หรือผลไม้ขายด้วย
Ristorante คือภัตคารชั้นดี มีบริกรคอยเสริฟ ราคาอาหารก็แพงไปด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านประเภทต่างๆ แยกย่อยออกไปอีก เช่น trattoria ร้านอาหารขนาดเล็ก Vineria ร้านอาหารที่มีไวน์ขายด้วย Pasticceria ร้านขายขนมอบ
Pizza พิซซ่า ถือเป็นอาหารประจำชาติอิตาลี ถือกำเนิดเกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองเนเปลส์ เมื่อราวปี ค ศ 1830 เป็นแผ่นแป้งโรยด้วยหน้าต่างๆ เช่น มะเขือเทศ แฮม ซาลามี เห็ด กุ้ง และอื่นๆ แลัวนำไปอบในเตาไฟ โดยมีเครื่องปรุงหลักคือเนยแข็งที่ละลายยืดยาวเป็นบางส่วนให้ส่วนประกอบ ทั้งหลายเกาะกันได้อยู่บนหน้าแผ่น เวลารับประทานก็เพียงตัดแบ่งให้เป็นชิ้นหรือใส่ตู้แยกขาย ให้รับประทานร้อนๆ ไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเป็นอาหารที่เราคุ้นเคยกันแล้ว แต่พิซซ่าตามร้าน ข้างถนนทั่วไปในอิตาลีนั้น หน้าตาอาจดูไม่สวยงามหรือมีส่วนประกอบมากมายนักเหมือนเมนูพิซซ่า ที่ขายในบ้านเรา
Pasta พาสต้า คืออาหารจานเส้นที่มีชื่อเสียงของอิตาลีซึ่งทำมาจากแป้งสาลีและไข่ เชื่อกันว่า มาร์โคโปโลเป็นผู้นำกรรมวิธีผลิตที่คล้ายกับการทำเส้นหมี่จากประเทศจีน เข้ามาให้ คนอิตาลีรู้จัก พาสต้ามีหลายประเภทแตกต่างกันที่เส้น เช่น เส้นกลม เส้นแบน เส้นเกลียว เส้นกลวง เส้นเป็นถ่อสั้นยาว เส้นตัดเฉียง เป็นต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็มี สปาเก็ตตี มักกะโรนี รีกาโต ส่วนการปรุงก็แล้วแต่จะนำไปดัดแปลงให้เข้ากับวัสดุปรุงอาหารชนิดอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ ส่วนผสม ต้องมีมะเขือเทศกับน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นเครื่องปรุงหลักของอาหารอิตาลีแทบทุกประเภท

ฤดูการและช่วงเวลาท่องเที่ยว

อิตาลีมีฤดูกาล 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบ้ไม้ร่วง และฤดูหนาว ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ค่อนข้างมาทางด้านล่างของทวีปยุโรป และมีทะเลล้อมรอบในฤดูหนาวอากาศจึงคงไม่หนาวเย็นมากนัก ยกเว้นทางตอนเหนือในเขตเทือกเขาแอลป์ที่มีฤดูหนาวที่ยาวนาน และมีหิมะตกหนักมากพอที่จะเล่นหิมะได้ ทำให้เมืองตูรินได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 2006 ในฤดูร้อนราวเดือนสิงหาคมอากาศจะร้อนอบอ้าว บางปีมีคลื่นความร้อนเข้าทำให้ร้อน ตับแตก ชาวเมืองจึงคงหนีออกไปเที่ยวตามเมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเล ถือเป็นช่วงพักร้อนของคนอิตาลี หากจะไปเที่ยวช่วงนี้ควรคิดให้ดี เพราะต้องเผชิญกับอากาศร้อนและผู้คนที่เดินทางหนีร้อน ช่วงเวลาดีที่สุดในการท่องเที่ยวในอิตาลีก็คือฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนเมษยนจนถึงเดือนมิถุนายน และฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือน กันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอากาศในช่วงนี้กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป และอากศก็แจ่มใสแม้บางคร้้งจะมีฝนตกบ้างเป็นบางคราว ตามธรรมชาติ แม้ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นฤดูท่องเที่ยวของอิตาลี นักท่องเที่ยวจะมากสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าน่าไปบางครั้งอาจต้องเข้าคิวซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ค่อนข้างนาน หากเราวางแผนเสียแต่เนินๆ ทั้งการหาตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก และการเลือกเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวถูกเวลา ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความราบรื่น อีกทั้งเวลาในช่วงกลางวันก็ยาวนาน สว่างราวตีห้าค่ำราว 3 ทุ่ม ทำให้สามารถเดินทางเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศในช่วงเช้าและเย็นก็ค่อนข้างหนาว เผื่อเสื้อแจ็คเก็ตติดตัวไปด้วยก็ดี แต่ข้อดีของการไปเที่ยวอิตาลีในช่วงฤดูหนาว ก็จะสะดวกในการหาที่พัก อีกทั้งราคาก็ถูกนักท่องเที่ยวก็น้อยไม่ต้องเบียดเสียดแย่งกันดู แต่ข้อเสียก็คือช่วงเวลากลางวันสั้น เที่ยวได้ ไม่กี่แห่งก็ค่ำมืดแล้ว อีกทั้งอากาศก็หนาวเย็นทำให้อยากกลับที่พักไวๆ มาถึงตรงนี้คิดว่าหลายๆ คนคงอยากไปเที่ยวอิตาลีแล้ว การเดินทางทำให้เราถ่อมตัว แต่โครตจะอิ่มเอมภายในจิตใจ
=====================


” the word is a book and those who do not travel
read only the page”