♦♦♦ เพิ่มเติมให้อินเดียตลอดเวลา คือความรักความคิดถึง ความหลงไหล เฝ้ารอคอยการได้กลับมายังดินแดนอันลึกลับชับซ้อนแต่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดอย่างเหลือเชื่อ
เมืองแห่งเทพเป็นผู้สร้าง God’s own the country
ทริปนี้เป็นการกลับมาเยือน kerala เป็นครั้งที่4 ความรู้สึกความทรงจำประสบการณ์ แต่ละครั้งไม่เคยเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมตลอดเวลา คือความรัก ความหลงไหล ที่มีต่ออินเดียเพิ่มขึ้นตลอดเวลา การเดินทางมา kerala ครั้งนี้เป็นการเดินทางต่างประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากเกิดการระบาดของ covid เป็นเวลาเกือบ 2ปี กว่าที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้เลย เฝ้ารอคอย วัคซีนที่จองเอาไว้เป็นปี กำลังเดินทางมาจากต่างประเทศ กว่าจะได้ฉีดเข็มแรกตามด้วยเข็มสองก็ปาเข้าเดือนเมษายน ครบสองเข็มตามมาตราการณ์ การเดินทางเข้าออกแต่ละประเทศที่เปิดรับนักเดินทาง อินเดียเป็นประเทศแรกที่เลือกเดินทางไปหลังเปิดประเทศ และเช่นกันอินเดียเป็นประเทศสุดท้ายที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทยหลังการระบาด covid และปิดประเทศหลังจากนั้น นี้คงทำให้เชื่อได้ว่าสาวคนนี้รักอินเดียมากแค่ไหน การเดินทางเป็นไปอย่างไม่ยุ่งยาก เพราะ air Asia กลับมาบิน Bangkok – Kochi direct flight หลังจากหยุดการบินไปช่วง covid สายการบินพร้อม วีซ่าอินเดีย 5ปีพร้อม เพื่อนชาวอินเดียพร้อมดูแลจะมีอะไรต้องกังวลอีก มาจองตั๋วเครืองบินชื้อประกันการเดินทางจัดกระเป๋าพร้อม itinerary เพื่อนชาวอินเดียส่งมาให้ทริปนี้ต้องการ 1 week สำหรับ Fort Kochi สำหรับ post นี้ขอรำลึกถึงเฉพาะ Fort Kochi ก็แล้วกัน มา มาทำความรู้จักกับ kerala กันสักหน่อย Kerala เป็นรัฐอยู่ทางตอนใต้ของของอินเดียตั้งอยู่ริมฝังทะเลอาหรับ และมหาสมุทรอินเดีย Kerala มาจากภาษา malayalum มาลายาลัม หมายถึงดินแดนแห่งมะพร้าว หรือเป็นที่รู้กันว่าที่นี้เป็นดินแดนแห่งเทพ God’s own the country เพราะ ดินแดนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ภูเขา ป่าไม้ ทะเลแม่น้ำ พืชผักพันธุ์ไม้ สมุนไพรรักษาโรค เครื่องเทศ และอาหารหลากหลายมากมายดังเช่นคำกล่าวที่ว่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อุดมสมบูรณ์ราวเนรมิตร เหมือนเทพเป็นผู้สร้างให้
สงบนิ่ง ถ่อมตัว อบอุ่น และปลอดภัย
Kerala ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1949 มีเมืองหลวงชื่อ Trivandrum ทริวันดัม แต่เมืองที่ใหญ่สุดกลับเป็น Kochi รัฐ Kerala มีประชากรประมาณ 33 ล้านและประชากรส่วนใหญ่พูดภาษา malayalum and English คน Kerala ถือว่าเป็นคนมีคุณภาพส่วนใหญ่ อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่า post นี้ขอรำลึกเฉพาะ Fort Kochi สำหรับเขตแดนที่เรียกว่า Fort Kochi เป็นพื้นที่สวยงาม classic charming อย่างล่ำลึกตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล มีความเป็น exotic unique and classic ด้วยสถาปัตยกรรมของยุคอาณานิคมดัตซ์ โปรตุเกส และอังกฤษ อีกสิ่งที่เป็น signature สัญญาลักษณ์คือตาข่ายจับปลาที่ทำมาจากไม้ไผ่ด้วยฝีมืออย่างปราณีตชึ่ง จะเห็นได้ทั่วๆ ไปตามแนวหาด Kochi และยังมีโบสถ์ St Francis Churchชึ่งเป็นสถานที่ดังเดิมที่ฝั่งร่างของนักเดินเรือสำรวจ Vasco Da Gama และในย่านนี้ยังมีโรงแรม แบบ vintage classic ส่วนมาก ปรับเปลี่ยนมาจากอาคารบ้านเรือนเก่าแบบ style classic ยุคอาณานิคมบรรยากาศสวยสงบแบบนิ่งๆ ถ่อมตัวกลิ่นไอแบบย้อนยุคเพิ่มเติมผสมผสานเพียงเล็กน้อยกับสีสันแบบอินเดียยุค มหาราชา มหาราณี บางมุมสัมผัสกับกลิ่นไอแบบ Tomford oud wood บางมุมกลิ่นไอแบบ Polo ralph Lauren supreme oud กลิ่นหอมของไม้และเครื่องเทศเป็นสัญญานบอกว่าที่แห่งนี้ อบอุ่นและปลอดภัย warm and safe ในบางอารมณ์อยากแต่งตัวย้อนยุคใส่กระโปร่งสวมหมวก แบบสาวยุโรปยุคอาณานิคม ขณะเดียวกันก็อยากแต่งแบบสาวอินเดียสาหรีกุ่ยกายผ้าฝ้ายเบาๆ สีหม่นๆ เศร้าๆ ความโศกเศร้าที่ช่อนอยู่ภายใต้ ดวงตากลมโต อารมณ์ ความรู้สึกความคิดที่มีต่อที่นี้ Fort Kochi !!
God’s own the country ดินแดนแห่งเทพ อุดมสมบูรณ์ราวเนรมิตรเหมือนเทพเป็นผู้สร้างให้
แต่ใช่ว่าจะมีแต่อารมณ์ลุ่มลึกไปตามกลิ่นหอมของกลิ่นไม้และเครืองเทศที่นี้ยังมีมุม ให้ยิ้มและแสดงความรู้สึกอ่อนโยนได้กับบรรดาแพะตัวน้อยๆ ผอมๆ วิ่งหาอาหารตามทางเดินบางครั้งพากันยืนมอง หน้าคนขับรถด้วยสายตาอ้อนวอนขอให้จอดรถเพื่อให้พวกข้าพากันข้ามถนนก่อนเถอะนะ นี้คือเสน่ห์ของอินเดีย incredible land สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง และในย่านนี้ยังมีร้านอาหารหรูหรา คลาสสิก ชิคๆ พร้อมเสิร์ฟ ด้วยอาหารท้องถิ่นของชาวอินเดียใต้ รสชาติจัดจานแบบดั่งเดิมแต่สำหรับนักเดินทางต่างถิ่นที่ไม่พร้อมจะทานอาหารท้องถิ่นได้ทุกมื้อก็ยังมี ปลา และ กุ้ง หลากหลายเมนูให้ได้ทานพร้อมรสชาติแสนอร่อยแถมยังมีร้านค้าแบบเก่าแก่ขายของแบบโบราณหายากรวมทั้งเครื่องเทศ เครื่องหอม และสินค้า handmade การอนุรักษ์อาคารเก่าแก่เป็นสิ่งที่ทุกคนที่นี้ให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้น จะเห็นอาคารเก่าแก่ปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะโบราณร่วมสมัย ก็มีให้ได้เห็นได้ชมพร้อมได้เรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบดังเดิมของอินเดียเองและ ช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับชาวยุโรปของแต่ละช่วงเวลา ไม่มีสักครั้งที่จะไม่เพิ่มเติมความรักความหลงไหลให้กับอินเดียมนต์เสน่ห์อันลึกลับ ผู้คนดวงตา แววตาอยากรู้ลึกลงไปถึงความรู้สึกนึกคิด ความหวัง ความศัทธาความสุข ความทุกข์ ของพวกเขา ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่คนทุกคนกำลังวิ่งตามและวิ่งหนีในชีวิต ถ้าสมมุติว่าคน คนหนึ่งได้ทุกอย่างดังปรารถนาแล้วจะยังมีสิ่งดีๆ เหลือให้คนอื่นๆ บนโลกนี้ได้สร้างความหวังหรือเราต้องเรียนรู้การแบ่งปันเรียนรู้การให้ เพื่อให้ทุกคนยังมีความหวัง และความศัทธากับชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ เวลาหนึ่งอาทิตย์สำหรับ Fort Kochi ทำให้มีเวลาเพียงพอที่จะกลับไปนั้งดื่ม masala chai ในที่เดิมๆ บางวันฝนตกตลอดวันทำให้ออกไปไหนไม่ได้ก็สามารถนั่งดื่ม masala chai ที่ระเบียงห้องพักได้ทั้งวัน โดยไม่ได้รู้สึกว่าเสียดายเวลาที่ใช้ไปกับกลิ่นหอมของมวลไม้ และเครื่องเทศ กลิ่นของ Tomford oud wood และกลิ่นของ Polo ralph lauren supreme oud ใช่เลยกลิ่นแบบ exotic erotic and emotional of fragance nature
EXOTIC EROTIC AND EMOTIONAL OF FRAGANCE NATURE KOCHI KERALA
ทุกเวลานาทีที่ใช้ไปกับการเดินทางไม่เคยคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า เพราะบอกตัวเองตลอดมาอย่างยาวนานว่า ฉันคือนักเดินทาง ชีวิตของฉันคือการเดินทาง traveling is my life เป็นชีวิตที่เลือกแล้วด้วยสัญชาตญาณของตัวเองล้วนๆ ชีวิตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ บางครั้งเหนื่อยล้า อ่อนแรง รู้สึกไม่ปลอดภัย อ่อนไหว ผิดหวัง หลายสิ่งเป็นอะไรที่ไม่คาดหวังในการเดินทาง แต่มันคือประสบการณ์เมื่อเราเริ่มตัดสินใจเดินทาง จิตใจจะอ่อนโยน เมตตา และเข็มแข็ง ในเวลาเดียวกัน เมื่อเราได้ให้อะไรดีๆ กับคนที่เราไม่เคยรู้จักแค่พบเจอระหว่างทางแม้แต่รอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกันก็เป็นสิ่งสวยงามต่อใจทั้งผู้ให้และผู้รับ การอภัยในระหว่างการเดินทางเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สิ่งที่ไม่พึงพอใจไม่สะดวกสบายระหว่างการเดินทางบางสิ่งบางอย่าง ไม่เป็นไปตามแผนความเข้าใจและให้อภัยจะทำให้เราเป็นนักเดินทางที่มีความสุขและปลอดภัย อินเดียอาจเป็นประเทศที่จะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมองใหม่กับชีวิต รู้สึกดีและมองเห็นคุณค่ากับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วยังได้มีเวลาได้ถามตัวเองว่า แล้วเราจะเรียกร้องอะไรอีกมากมายจากชีวิต ♦
♦♦♦♦♦♦
come dress yourself in love, let the journey begin